สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง
การ เดินทาง จากตัวเมืองลพบุรีไปน้ำตกวังก้านเหลืองใช้เส้นทางลพบุรี-โคกสำโรง (ทางหลวงหมายเลข 1) จากนั้นใช้เส้นทางโคกสำโรง-ชัยบาดาล (ทางหลวงหมายเลข 205 ) ถึงบริเวณที่บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 21 แล้วต่อเข้าทางหลวงหมายเลข 2089 ไปอำเภอท่าหลวงประมาณ 12 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าตัวน้ำตกอีกประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกวังก้านเหลืองซึ่งจะอยู่ทางขวามือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3634 7105-6, 0 3634 7446
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
การเดินทาง จากตัวเมืองลพบุรีใช้เส้นทางลพบุรี - โคกตูม - พัฒนานิคม (ทางหลวงหมายเลข 3017) ระยะทาง 48 กิโลเมตร มีบริการรถสองแถวลพบุรี - วังม่วง ผ่านหน้าเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรี ระหว่างเวลา 06.00 - 17.30 น.
นอกจากนี้ยังมีบริการท่องเที่ยวทางรถไฟขบวนพิเศษ ไป - กลับ กรุงเทพฯ - เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2220 4334, 1690 และนักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกใช้บริการนั่งรถไฟชมเขื่อนได้ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีรถไฟลพบุรี โทร. 0 3641 1022
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง
เขา พญาเดินธง ห่างจากเขื่อน 10 กม. (ตามเส้นทางไปเขื่อนเข้าซอย 15) สามารถใช้รถกระบะขับขึ้นถึงยอดเขาเพื่อชมวิวได้ สอบถาม อบต.พัฒนานิคม โทร. 0 3663 9042
ทุ่งทานตะวัน
จังหวัดลพบุรี มีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทย คือ ประมาณ 200,000 – 300,000 ไร่ ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม ทานตะวันเป็นพืชทนแล้ง เกษตรกรนิยมปลูกแทนข้าวโพด เมล็ดทานตะวันมีคุณค่าทางโภชนาการ นิยมใช้สกัดทำน้ำมันปรุงอาหาร หรืออบแห้ง เพื่อรับประทาน หรือใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง และยังสามารถเลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพส่งเสริมได้อีกด้วย จึงทำให้ได้ผลผลิต คือ น้ำผึ้งจากดอกทานตะวันอีกทางหนึ่ง โดยแหล่งที่ปลูกทานตะวัน จะกระจายอยู่ทั่วไปในเขตอำเภอเมือง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล พื้นที่ที่ปลูกเป็นจำนวนมาก ได้แก่ บริเวณเขาจีนแล ใกล้วัดเวฬุวัน ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง
การเดิน ทาง จากลพบุรี ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ลพบุรี-สระบุรี) ถึงกิโลเมตรที่ 4 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (ทางไปตำบลโคกตูม) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าวัดเวฬุวัน (ด้านซ้ายมือ) เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงทุ่งทานตะวัน สำหรับรถโดยสารประจำทาง มีรถสองแถวลพบุรี – วังม่วง ผ่านทางเข้าวัดเวฬุวัน รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรี ระหว่างเวลา 06.00 – 17.30 น.
นอกจากนี้ยังมีแหล่งปลูกทานตะวันกระจัดกระจายไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอพัฒนา นิคม บริเวณช่องสาริกา (เข้าทางวัดมณีศรีโสภณ) ริมทางหลวงหมายเลข 21
สอบถามบริเวณพื้นที่ปลูกทานตะวันก่อนการเดินทางได้ที่ ททท.ภาคกลาง เขต 7 (ลพบุรี)
การเดิน ทาง จากลพบุรี ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ลพบุรี-สระบุรี) ถึงกิโลเมตรที่ 4 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (ทางไปตำบลโคกตูม) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าวัดเวฬุวัน (ด้านซ้ายมือ) เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงทุ่งทานตะวัน สำหรับรถโดยสารประจำทาง มีรถสองแถวลพบุรี – วังม่วง ผ่านทางเข้าวัดเวฬุวัน รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรี ระหว่างเวลา 06.00 – 17.30 น.
นอกจากนี้ยังมีแหล่งปลูกทานตะวันกระจัดกระจายไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอพัฒนา นิคม บริเวณช่องสาริกา (เข้าทางวัดมณีศรีโสภณ) ริมทางหลวงหมายเลข 21
สอบถามบริเวณพื้นที่ปลูกทานตะวันก่อนการเดินทางได้ที่ ททท.ภาคกลาง เขต 7 (ลพบุรี)
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
ตั้งอยู่ที่บ้านลังกาเชื่อม ตำบลสำสนธิ ตำบลกุดตาเพชร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 96,875 ไร่ เป็นที่ราบอยู่ในหุบเขา ถูกกั้นด้วยเทือกเขาพังเพย ทิศตะวันตกเป็นเขารวก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 140-846 เมตร ความสำคัญของพื้นที่ คือ ป่าซับลังกามีสภาพสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำลำสนธิ และแหล่งอาหารของสัตว์ป่า ปัจจุบันยังมีเลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนอาศัยอยู่
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ จัดไว้ 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก คือ ห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง-ถ้ำผาผึ้ง ระยะทางไป-กลับประมาณ 3,200 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เป็นเส้นทางที่ไม่ลำบากเกินไปนักสำหรับนักท่องธรรมชาติหน้าใหม่ ระหว่างเส้นทางจะผ่าน น้ำตกผาผึ้ง ซึ่งเป็นน้ำตกเล็กๆ แต่มีความสวยงามเพราะบรรยากาศรอบข้างที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่นานาพรรณ และเหมาะสำหรับเป็นจุดพักระหว่างทาง และหากชื่นชมธรรมชาติด้วยความสงบอาจมีโอกาสได้เห็นสัตว์เล็กๆ เช่น เต่า และ นกต่างๆ ออกมาให้ได้ยลโฉม จากนั้นเดินต่อไปยังถ้ำผาผึ้งก่อนที่จะต้องใช้ฝีมือในการปีนป่ายหินแหลมคม เพื่อชมดงจันทน์ผาซึ่งเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ที่มีรูปทรงงดงาม และในช่วงปลายฝนต้นหนาวกล้วยไม้รองเท้านารีที่ซ่อนตัวอยู่ในดงจันทน์ผานี้ จะเบ่งบานพร้อมกันในฤดูนี้
สำหรับจุดเริ่มต้นเดินเท้าเส้นทางนี้ คือ ห้วยแม่พริก ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการเป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร ต้องใช้รถที่สภาพดี กำลังดี พร้อมที่จะลุยทางลูกรังที่ค่อนข้างเละ แต่ผู้ที่ไม่มีรถและไปกันเป็นคณะ สามารถว่าจ้างรถอีแต๋นของชาวบ้านซึ่งเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย โดยติดต่อล่วงหน้าผ่านป่าไม้จังหวัดลพบุรีที่ โทร. 0 3645 1936
เส้น ทางที่ 2 เส้นทางห้วยประดู่ – ถ้ำพระนอก – ถ้ำสมุยกุย เส้นทางนี้สามารถเลือกเดินเท้า หรือล่องแพ เป็นเส้นทางธรรมชาติที่สวยงาม และยังได้ชมความลึกลับของถ้ำพระนอก และถ้ำสมุยกุยอีกด้วย
นอกจาก เส้นทางศึกษาธรรมชาติทั้ง 2 เส้นทาง ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกายังมีไฮไลท์ ที่ให้ทุกท่านเดินทางเข้าชมธรรมชาติด้วยรถอีแต๋น และชมดอกกระเจียวยักษ์อีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะในการท่องเที่ยวธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จะเป็นในช่วงฤดูฝน เพราะผืนป่าซับลังกาจะสมบูรณ์เต็มที่ อัตราค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
สิ่งที่ควรนำไปด้วย สำหรับการเที่ยวที่ซับลังกา คือ รองเท้าที่กระชับรัดกุมเพื่อความคล่องตัวในการเดินย่ำน้ำตกและโขดหินลื่น หรือปีนป่ายหน้าผาหินแหลมคม ยาทากันยุง
การ เดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี ไปตามเส้นทางหมายเลข 21 ( สระบุรี – ชัยบาดาล) เลี้ยวขวาเข้าอำเภอชัยบาดาลไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 205 (ชัยบาดาล – ลำสนธิ) อีก 31 กิโลเมตร ก่อนถึงอำเภอลำสนธิ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าตำบลวังเชื่อม อีก 37 กิโลเมตร ถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา รวมระยะทางจากกรุงเทพฯประมาณ 260 กิโลเมตร
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ จัดไว้ 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก คือ ห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง-ถ้ำผาผึ้ง ระยะทางไป-กลับประมาณ 3,200 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เป็นเส้นทางที่ไม่ลำบากเกินไปนักสำหรับนักท่องธรรมชาติหน้าใหม่ ระหว่างเส้นทางจะผ่าน น้ำตกผาผึ้ง ซึ่งเป็นน้ำตกเล็กๆ แต่มีความสวยงามเพราะบรรยากาศรอบข้างที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่นานาพรรณ และเหมาะสำหรับเป็นจุดพักระหว่างทาง และหากชื่นชมธรรมชาติด้วยความสงบอาจมีโอกาสได้เห็นสัตว์เล็กๆ เช่น เต่า และ นกต่างๆ ออกมาให้ได้ยลโฉม จากนั้นเดินต่อไปยังถ้ำผาผึ้งก่อนที่จะต้องใช้ฝีมือในการปีนป่ายหินแหลมคม เพื่อชมดงจันทน์ผาซึ่งเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ที่มีรูปทรงงดงาม และในช่วงปลายฝนต้นหนาวกล้วยไม้รองเท้านารีที่ซ่อนตัวอยู่ในดงจันทน์ผานี้ จะเบ่งบานพร้อมกันในฤดูนี้
สำหรับจุดเริ่มต้นเดินเท้าเส้นทางนี้ คือ ห้วยแม่พริก ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการเป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร ต้องใช้รถที่สภาพดี กำลังดี พร้อมที่จะลุยทางลูกรังที่ค่อนข้างเละ แต่ผู้ที่ไม่มีรถและไปกันเป็นคณะ สามารถว่าจ้างรถอีแต๋นของชาวบ้านซึ่งเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย โดยติดต่อล่วงหน้าผ่านป่าไม้จังหวัดลพบุรีที่ โทร. 0 3645 1936
เส้น ทางที่ 2 เส้นทางห้วยประดู่ – ถ้ำพระนอก – ถ้ำสมุยกุย เส้นทางนี้สามารถเลือกเดินเท้า หรือล่องแพ เป็นเส้นทางธรรมชาติที่สวยงาม และยังได้ชมความลึกลับของถ้ำพระนอก และถ้ำสมุยกุยอีกด้วย
นอกจาก เส้นทางศึกษาธรรมชาติทั้ง 2 เส้นทาง ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกายังมีไฮไลท์ ที่ให้ทุกท่านเดินทางเข้าชมธรรมชาติด้วยรถอีแต๋น และชมดอกกระเจียวยักษ์อีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะในการท่องเที่ยวธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จะเป็นในช่วงฤดูฝน เพราะผืนป่าซับลังกาจะสมบูรณ์เต็มที่ อัตราค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
สิ่งที่ควรนำไปด้วย สำหรับการเที่ยวที่ซับลังกา คือ รองเท้าที่กระชับรัดกุมเพื่อความคล่องตัวในการเดินย่ำน้ำตกและโขดหินลื่น หรือปีนป่ายหน้าผาหินแหลมคม ยาทากันยุง
การ เดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี ไปตามเส้นทางหมายเลข 21 ( สระบุรี – ชัยบาดาล) เลี้ยวขวาเข้าอำเภอชัยบาดาลไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 205 (ชัยบาดาล – ลำสนธิ) อีก 31 กิโลเมตร ก่อนถึงอำเภอลำสนธิ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าตำบลวังเชื่อม อีก 37 กิโลเมตร ถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา รวมระยะทางจากกรุงเทพฯประมาณ 260 กิโลเมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น